ถ้าหากคุณเคยไปในที่ต่างๆมาตั้งแต่ห้องไพ่แคลิฟอร์เนียที่มีพื้นเหนียวๆไปจนถึงคาสิโนที่เต็มไปด้วยทักซิโด้ของโมนาโก คุณน่าจะเคยเห็นการเล่นเกมบาคาร่าไม่แบบใดก็แบบหนึ่งมาบ้างแล้วล่ะ
แต่คุณอาจไม่เคยเห็นมันเล่นได้อย่างหรูหราเท่าของ ฌอน คอนเนอรี ในฉากแรกของภาพยนตร์เรื่องแรกของซีรีส์เจมส์บอนด์
กฎมีการสัมผัสที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังเล่น punto banco (ที่การกระทำจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยตัวเลขบนการ์ด) หรือ chemin de fer (ที่ผู้เล่นที่เกี่ยวข้องสามารถตัดสินใจในการเลือกจั่วไพ่ใบที่สามได้) แต่หลักการนั้นเหมือนกัน นั่นก็คือการเลือกเดิมพันฝั่งที่แต้มสูงที่สุดหลังจากแจกไพ่ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของ Player หรือว่า Banker เก้าแต้มจะเป็นผลรวมของไพ่ที่อยู่บนมือที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะไม่สามารถแพ้ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมิสเตอร์บอนด์(007) ถึงมักจะลงเอยกับมันบ่อยๆ
ดังนั้นแล้วบาคาร่าทำงานอย่างไร
เป้าหมายในบาคาร่าคือการเดิมพันกับฝั่งที่ดีที่สุดจากการแจกไพ่สองครั้งไม่ว่าจะเป็นในฝั่งของ player หรือฝั่งของ banker ฝั่งที่จะชนะได้ก็เมื่อแต้มไพ่ที่อยู่บนมือมีตัวเลขสุดท้ายและดอกของไพ่รวมกันแล้วใกล้เคียงกับเก้ามากที่สุด (ดอกไพ่คือดอกจิก ข้าวหลามตัด โพธิ์แดง และ โพธิ์ดำ)
ไพ่หน้าคนมีค่าเท่ากับศูนย์ ไพ่เอซนับเป็น 1 แต้ม เมื่อแจกไพ่คุณได้ไพ่หน้าคนและ 8 คุณจะไม่ได้มีแต้ม 18 แต่มีแต้ม 8 แต้ม ถ้าแจกไพ่แล้วคุณได้ไพ่ 3 และ 4 มา แต้มของคุณคือ 7 และถ้าหากแจกไพ่แล้วคุณได้ไพ่ 9 และ 7 พอรวมกันแล้วได้ 16 เพราะฉะนั้นแต้มของคุณก็คือ 6
แค่นั้น นั่นคือทั้งหมดของเกม
ความซับซ้อนเพียงอย่างเดียวคือในตอนที่แต่ละฝ่ายจะจั่วไพ่ใบที่สาม แต่ตารางง่ายๆจะถูกใช้เพื่อแสดงผลเมื่อฝั่งของ player หรือ banker จั่วไพ่ใบที่สาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหาก Player หรือ Banker ได้แต้ม 8 หรือ 9 แต้มเลยหลังจากการแจกไพ่สองใบแรก สิ่งนี้เรียกว่า natural (เนเชอรัล)
แต่ถ้าหากเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น บางครั้ง Player หรือ Banker ก็จำเป็นต้องจั่วไพ่
Player(ผู้เล่น)
ถ้าหากไพ่บนมือของผู้เล่นมีแต้ม 0-5แต้ม พวกเขาต้องจั่วไพ่ใบที่สาม ถ้า 6 หรือ 7 แต้ม ให้ stand(พอไม่ทำการจั่ว) ถ้า 8 หรือ 9 แต้ม คือ natural (เนเชอรัล) และ stand ก็จะทำงานในสถานการณ์นี้เช่นกันแม้ว่า player จะมี 8 แต้ม และ banker มี 9 แต้ม ก็ตาม มันอาจเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง
Banker(เจ้ามือ)
ถ้า player มี 6 แต้มหรือมากกว่านั้น banker ทำตามแบบที่ player ทำคือการจั่วไพ่ใบที่สามถ้าบนมือมีแต้ม 0-5 แต้ม และ stands เมื่อมี 6 หรือ 7 แต้ม และ 8 หรือ 9 แต้ม คือ natural (เนเชอรัล)
แต่ถ้า player จั่วไพ่ใบที่สาม ให้ banker ทำตามกฎเกี่ยวกับคะแนนข้างล่างนี้
0, 1, 2 แต้ม Banker จั่วไพ่ ไม่ว่าไพ่ใบที่สามของ player จะเป็นอะไรก็ตาม
3 แต้ม Banker จั่วไพ่ใบที่สามนอกจากไพ่ใบที่สามของ player จะเป็น 8
4 แต้ม Banker จั่วไพ่ใบที่สามหากไพ่ใบที่สามของ player เป็น 2, 3, 4, 5, 6, 7
5 แต้ม Banker จั่วไพ่ใบที่สามหากไพ่ใบที่สามของ player เป็น 4, 5, 6, or 7
6 แต้ม Banker จั่วไพ่ใบที่สามหากไพ่ใบที่สามของ player เป็น 6 หรือ 7
7 แต้ม Banker stands (พอไม่ต้องจั่ว)
อยากให้จำไว้ว่าข้อได้เปรียบข้างบนนี้เป็นของ banker การชนะการเดิมพันที่ได้จากการลงเดิมพันฝั่ง banker จะต้องจ่าย 5% เป็นค่าคอมมิชชันให้กับเจ้าบ้าน
การเดิมพันฝั่ง Tie(เสมอกัน)
หากคะแนนของ Player และ Banker จบลงด้วยการที่มีคะแนนเท่ากัน ผลลัพธ์ของเกมจะเป็น Tie หรือว่าเสมอกันนั่นเอง เงินเดิมพันที่ลงไว้กับ Player และ Banker จะได้รับคืนทั้งหมด นี่จะเป็นเวลาเดียวเท่านั้นที่การเดิมพันในฝั่ง Tie จะได้รับการจ่าย นอกจากนี้ในสถานการณ์อื่นๆพวกเขาจะแพ้ทั้งหมด
อัตราต่อรอง
ส่วนที่ดีที่สุดของบาคาร่าคือเป็นเกมที่มีอัตราความได้เปรียบของเจ้าบ้านต่ำที่สุดในคาสิโน อัตราความได้เปรียบของเจ้าบ้านสำหรับการเดิมพันฝั่ง Banker คือ 1.06 เปอร์เซ็นต์(รวมค่าคอมมิชชัน 5%) ในขณะที่การเดิมพันฝั่ง Player คือ 1.24 เปอร์เซ็นต์